การกินคลีนคืออะไร

การกินคลีนหมายถึง การบริโภคอาหารที่เป็นธรรมชาติหรือใกล้เคียงกับธรรมชาติที่สุด มันไม่ใช่การลดความอ้วน มันเป็นไลฟ์สไตล์ของการกินเเละการเตรียมอาหาร ซึ่งนำไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้น – ทีละมื้อ

กิน 5 – 6 มื้อต่อวัน

3 มื้ออาหาร เเละ 2-3 มื้อของว่างเล็กๆ ที่มี โปรตีน ผลไม้สด ผัก เเละ คาร์โบไฮเดตเชิงซ้อนในเเต่ละมื้อ จะช่วยให้ร่างกาย กระปรี้กระเปร่าเเละเผาผลาญเเคลอรี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดวัน

เลือกอาหาร ออร์เเกนิค ทุกครั้งที่เป็นไปได้

ถ้าคุณมีงบจำกัด เเค่ปรุงเนื้อ ไข่ นม เเละ อาหารที่ถูกพบว่ามีการเคมีกำจัดศัตรูพืชมากที่สุดเหล่านี้ในเเบบออร์เเกนิค อาหารเล่านั้นคือ เเอปเปิ้ล สตอเบอร์รี่ องุ่น ขึ้นฉ่าย ลูกพีช ผักปวยเล้ง พริกหยวก ลูกท้อ เเตงกวา มันฝรั่ง มะเขือเทศสีดา พริก

ดื่มน้ำแย่างน้อย 2 ลิตร ต่อวัน

จำกัดการดื่มเเอลกอฮอลล์ของคุณให้เหลือเพียงไวน์เเดง วันละ 1 เเก้วต่อวัน

หลีกเลี่ยงอาหารที่ผ่านการปรุงเเต่ง

อาหารคลีน ประกอบด้วยส่วนผสมเพียง 1 หรือ 2 อย่าง อาหารชนิดใดที่มีส่วนผสมยาว มักจะเป้นอาหารที่มีการปรุงเเต่งขึ้น ไม่ใช่อาหารคลีน นี่รวมทั้งเเป้งขาว น้ำตาล ขนมปัง เเละ พาสต้า พยายามกินคาร์โบไฮเดตเชิงซ้อน เช่น โฮลเกรน เเทน

ทานไขมันที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ

พยายามทานไขมันดีทุกวัน คุณควรทานน้ำมันที่ใช้ในการปรุงอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งคือ น้ำมันมะกอก น้ำมันอัลมอนด์ น้ำมันถั่วลิสง น้ำมันงา น้ำมันปาล์ม เนย เเละ น้ำมันมะพร้าว

ทานช้าๆเเละลิ้มรส

อย่าทานอย่างเร่งรีบ อาหารมีรสชาดดีที่สุดเมือเราทานอย่างเพลิดเพลินทุกคำ

อาหาร 10 ชนิดที่ควรทานพร้อมกัน


– ผักสลัดกับไข่: กรดไขมันช่วยให้ร่างกายของคุณดูดซึมสารอาหารได้ดีโดยเฉพาะวิตามินที่ละลายในไขมัน
– ข้าวเเละถั่ว: เมื่อทานข้าวเเละถั่วรวมกันคุณจะได้โปรตีนที่สมบูรณ์ซึ่งคือ กรดอะมิโน 9 ชนิดที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
– ชาเขียวเเละมะนาว: น้ำมะนาวช่วยทำให้สารแอนตี้อ๊อกซิเเดนซ์ในชาเขียวที่เรียกว่า แคทีชิน ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายของคุณ
– โยเกิร์ตเเละกล้วย: เป็นส่วนผสมในอุดมคติ ที่ช่วยซ่อมเเซมกล้ามเนื้อหลังการออกกำลังกาย ดังนั้นคุณจึงควรที่จะทานมันไม่นานหลังการออกกำลังกาย
– ข้าวโอ๊ตเเละน้ำส้ม: ข้าวโอ๊ตเต็มไปด้วยธาตุเหล็ก ซึ่งวิตามินซีในน้ำส้ม จะช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็ก
– กระเทียมเเละหัวหอม: ส่วนผสมที่สมบูรณ์เเบบนี้ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดหัวใจวาย โรคหัวใจและโรคมะเร็งบางชนิด
– อะโวคาโดเเละมะเขือเทศ: กรดไขมันในอะโวคาโดจะช่วยทำให้แคโรทีนนอยด์ในมะเขือเทศพร้อมที่จะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย
– มะเขือเทศเเละบล็อคคลอลี่: ผักทั้งสองชนิดนี้เต็มไปด้วยสารต่อต้านมะเร็ง และการทานมันด้วยกันสามารถช่วยชะลอการเติบโตของเนื้องอกที่ต่อมลูกหมากอย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าทานแยกกัน
– ปลาและไวน์: การดื่มไวน์ในปริมาณที่พอดีจะช่วยเพิ่มกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่ได้จากปลา
– แอปเปิลเเละเปลือกเเอปเปิล: สารในเปลือกแอปเปิลจะช่วยต้านมะเร็งได้ดีที่สุดเมื่อทานพร้อมเนื้อแอปเปิล

เรื่องจริงเกี่ยวกับเเตงโมที่คุณควรรู้

เเตงโมมี ไลโคปีน มากกว่ามะเขือเทศสดเสียอีก ซึ่งไลโคปีนเป้นสารเเอนตี้อ๊อกซิเเดนซ์ เเคโรทีนอยด์ ที่มีประสิทธิภาพมาก ที่ทำให้ผักเเละผลไม้มีสีชมพูหรือเเดง มันยังช่วยลดความดันในเลือด เเละ เต็มไปด้วยสารอาหารต่างๆเช่น วิตามิน ซี บี6 เอ โปรเเตสเซียม เเละ เเมกนีเซียม
น้ำเเตงโมสามารถช่วยลดอาการเจ็บกล้ามเนื่อได้ คุณจึงควรดื่มน้ำเเตงโมก่อนการออกกำลังกาย
เปลือกเเตงโมเเละเมล็ดเเตงโมกินได้ คนส่วนใหญ่มักจะโยนเปลือกเเตงโมทิ้งโดยที่ไม่รู้เลยว่า จริงๆเเล้วเปลือกเเตงโม มีกรดอะมิโน ซิทรูลิน มากกว่า เนื้อเเตงโมสีชมพูเสียอีก ส่วนเมล็ดเเตงโมก็มีธาตุเหล็ก สังกะสี โปรตีน เเละ ไฟเบอร์

เรื่องของ…..เต้าหู้

เต้าหู้ เป็นอาหารยอดนิยมที่ได้มาจาถั่วเหลือง ด้วยการใช้นมถั่วเหลืองสดมาทำให้เเข็งตัว เอาใส่เเม่พิมพ์เเข็งเเละทำให้เย็นลง ซึ่งเป็นวิธีการเดียวกับการทำชีส เเบบดั้งเดิม
หางนมจะถูกทิ้งไป เต้าหู้สามารถนำไปปรุงอาหารได้หลายวิธี ซึ่งวิธีต่างๆก็จะเปลี่ยนเต้าหู้จากนุ่ม ลื่นไปเป็น กรุบ กรอบ

เต้าหู้ เป็นเเหล่งโปรตีนที่ดี เเละประกอบด้วยกรดอะมิโนจำเป็นถึง 8 ชนิด ทั้งยังมีธาตุเหล็ก เเคลเซี่ยม เเมงกานีส เซเรเนียม เเละ ฟอสฟอรัส รวมถึง เเมกนีเซียม ทองเเดง สังกะสี เเละ วิตามิน บี1

เต้าหู้ ประกอบด้วย ไฟโตเอสโตรเจน ที่เรียกว่า ไอโซฟลาโวน ซี่งมีโครงสร้างเหมือนกับฮอร์โมนเอสโตรเจนในผู้หญิง ดังนั้น มันจะทำงานเหมือนกับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ผลิตในร่างกายเรา ด้วยเหตุนี้เอง ผู้หญิงจำนวนมากจึง ทานอาหารประเภทเต้าหู้ เมื่อเข้าสู่วัยทอง เพราะมันจะช่วยลดอาการหนาวๆร้อนๆในผู้หญิงวัยทองได้

 

Thank for the picture from:
http://healthyfood-list.blogspot.com/2011/09/tofu-nutrition-facts-benefits-health.html
#Eathealthy #Drinkhealthy #EatTofu#foodsformenopause

ฝรั่ง

guava

ผลไม้พิเศษที่มีประโยชน์มากมาย เเละยังเป็นผลไม้ที่ต้องการยาฆ่าเเมลงน้อยมากเมื่อเทียบกับ องุ่น เเอปเปิ้ล เเละผลไม้อื่นๆ

ประโยน์ต่อสุขภาพ
– ลดน้ำหนัก: ฝรั่งสามารถช่วยลดน้ำหนักได้โดยที่เราไม่ต้องลดการกินโปรตีน วิตามิน เเละ ไฟเบอร์ ฝรั่งโดยเฉพาะฝรั่งสดมีน้ำตาลน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับ เเอปเปิ้ล ส้ม องุ่น เเละผลไม้อื่นๆ

– สายตา: ฝรั่งเป็นเเหล่งสารอาหารที่ดีมากๆ สำหรับวิตามิน เอ ที่เป็นที่รู้กันดีว่าสามารถช่วยเสริมสร้างการมองเห็นได้ มันยังสามารถช่วยชะลอการเกิดต้อกระจก กล้ามเนื้อตาเสื่อม เเละ สุขภาพตาทั่วๆไป มันไม่สามารถป้องกันการเสื่อมของสายตาได้เเต่มันยังสามารถช่วยให้การมองเห็นดีขึ้นถึงเเม้ว่าสายตาจะเริ่มเสื่อมเเล้วก็ตาม

– สุขภาพของไทรอยด์: ฝรั่งเป็นเเหล่งอาหารสำคัญของทองเเดง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการควบคุมระบบเผาผลาญโดยการช่วยควบคุมการผลิตฮอร์โมนเเละการดูดซึม

อาหารที่ช่วยในการเผาผลาญไขมัน

  1. มังคุด: มังคุดมีรสชาดอร่อยเเละยังช่วยลดน้ำหนักได้ด้วย เแซนโทนในมังคุดช่วยทำให้เกิดการเผาผลาญไขมัน
  2. ขมิ้น: สารเคอร์คูมินในขมิ้นช่วยกระตุ้นให้น้ำดีออกมาจากถุงน้ำดี ซึ่งจะช่วยลดไขมันเเละคลอเลสเตอรอล
  3. กิมจิ: กระบวนการหมักกิมจิเเละเอนไซม์ที่ช่วยในการย่อยจะช่วยให้ร่างกายของคุณย่อยเเละดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น คนเกาหลีรับประทานกิมจิในรูปแบบต่างๆในมื้ออาหารเกือบทุกมื้อ และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้คนเกาหลีมีรูปร่างผอม
  4. น้อยหน่า: นี่อาจจะไม่ใช่ผลไม้ปกติที่คุณรับประทาน แต่มันมีส่วนช่วยในการทำให้น้ำหนักลดได้5. น้ำ: น้ำมีส่วนช่วยให้อวัยวะในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น รวมทั้งระบบเผาผลาญในร่างกายด้วย
  5. น้ำมันมะกอก: เป็นไขมันดีที่ช่วยเสริมระบบเผาผลาญในร่างกาย ให้เผาผลาญไขมันในร่างกายได้มากขึ้น
  6. นัตโตะ: นัตโตะ หรือถั่วหมักของญี่ปุ่นเต็มไปด้วยไฟเบอร์ ซึ่งมันจะทำหน้าที่เป็นตัวขัดขวางการดูดซึมไขมันเเบบธรรมชาติหากคุณทานมันเป็นประจำทุกวัน
  7. กะหล่ำปลี และดอกกะหล่ำ: กะหล่ำปลี และดอกกะหล่ำประกอบด้วยวิตามิน บีจำนวนมากที่ดีต่อสุขภาพ และมีผลโดยตรงต่อระบบเผาผลาญในร่างกาย

ขอบคุณภาพสวยๆจาก

http://juicing-for-health.com/health-benefits-of-mangosteen.html
http://www.mnn.com/food/healthy-eating/photos/15-fruits-youve-probably-never-heard-of/cherimoya
http://authoritynutrition.com/top-10-evidence-based-health-benefits-of-turmeric/
http://lovethatkimchi.com/

อาหารที่ช่วยป้องกันเส้นเลือดหัวใจตีบ

  1. ทับทิม:น้ำทับทิมช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตสารไนตริก อ๊อกไซต์ซึ่งมีส่วนช่วยทำให้เลือดหมุนเวียน เเละหลอดเลือดไม่ตี
  2. ขมิ้น: เคอร์คูมินในขมิ้นจะช่วยลดอาการอักเสบซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้หลอดเลือดเเข็งตัว
  3. ลูกพลับ: โพลีฟีนอลในลูกพลับมี ไฟเบอร์ เเละ สารแอนตี้อ๊อกซิเเดนซ์ มากกว่าเเอปเปิลถึง 2 เท่า นอกจากนี้มันยังช่วยลดระดับ คลอเรสเตอรอลเเอลดีเเอล และ ไตรกีเซอร์ไลน์
  4. แครนเบอรี่: โปรแตสเซียมในแครนเบอรี่จะช่วยลดระดับคลอเรสเตอรอล เเอลดีเเอล และเพิ่มระดับคลอเรสเตอรอล เอชดีแอลในร่างกาย หากรับประทานเป็นประจำ จะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจได้ถึง 40%

น้ำตาล

ทำไมใครๆถึงบอกว่าทานน้ำตาลมากๆเเล้วไม่ดี แค่อ้วน และ ฟันผุ เท่านั้นเหรอ

  1. ทำให้เป็นโรคไขมันเกาะตับได้: น้ำตาลฟรุคโตสที่ปกติมีมากในน้ำเชื่อมที่เป็นส่วนผสมในอาหารแปรรูปเกือบทุกชนิดนั้น หากรับประทานมากเกินไปจะทำให้เกิดโรคไขมันเกาะตับได้
  2. น้ำตาลทำให้อินซูลินหยุดทำงาน: เมื่อคุณทานน้ำตาลจำนวนมาก อาจทำให้เกิดภาวะดื้อต่อฮอร์โมนอินซูลิน ซึ่งมีผลทำให้เกิดโรคหลายชนิดเช่น ระบบการเผาผลาญที่ผิดปกติ และ โรค เบาหวาน
  3. น้ำตาลเป็นสาเหตุหนึ่งของมะเร็ง: ปัญหาของระบบเผาผลาญที่เกี่ยวข้องกับการทานน้ำตาลเป็นที่รู้กันว่าเป็นตัวทำให้เกิดอาการอักเสบในร่างกาย ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของมะเร็ง

ชาขาว กับ ชาเขียว

ทั้งชาขาวเเละชาเขียวได้มาจากต้นชาพันธุ์เดียวกัน คือ Camellia sinensis การเก็บใบชาขาวจะเก็บเมื่อใบชายังมีอายุน้อยกว่าใบชาเขียว ชาขาวหายากเเละมีราคาเเพงกว่าชาเขียวเนื่องจาก ชาขาวจะถูกเก็บเกี่ยวเพียงช่วงไม่กี่วันเเรกที่ใบชาผลิออกมา และจะต้องได้รับการดูแลอย่างดี

เพราะว่าชาขาวเเละชาเขียวจะถูกดูเเลอย่างอ่อนโยน เเละไม่ผ่านขบวนการการเเปรรูปมากเกินไปทำให้มันสามารถคงสารต้านอนุมูลอิสระได้ ชาขาวผ่านการแปรรูปน้อยกว่า เเละมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าเมื่อเทียบกับชาเขียว

ความเครียด….. ดีหรือไม่

ความเครียดคือปฏิกิริยาตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงที่บอกกับร่างกายของคุณว่า คุณต้องการปรับเปลี่ยน หรือตอบสนองกับมันทั้งทางร่างกาย จิตใจ และ อารมณ์

ความเครียดคือส่วนหนึ่งของชีวิต และทุกวันนี้มีเหตุการณ์มากมายทั้งที่เกิดขึ้นกับคุณหรือรอบๆตัวคุณที่ทำให้เกิดความเครียด. อย่างไรก็ดีความเครียดก็มีผลดี เพราะมันทำให้เราตื่นตัวและเตรียมพร้อมในการหลบหลีกอันตราย แต่มันจะมีผลเสียก็ต่อเมื่อเราเผชิญกับความเครียดอย่างต่อเนื่องโดยไม่ได้มีการบรรเทาหรื่อพักผ่อนเพื่อลดความเครียด

ความเครียดที่ไม่มีการบรรเทาจะนำไปสู่ความกังวลใจ ซึ่งเป็นปฏิกิริยาในด้านลบที่นำไปสู่อาการทางร่างกายเช่น ปวดหัว ปวดท้อง ความดันสูง เจ็บหน้าอก เจ็บหลัง ปัญหาในการนอนหลับ และอาการทางจิตใจ เช่น อาการซึมเศร้า
ดังนั้นคุณจึงควรลดความเครียดด้วย:
– การฟังเพลง
– ทำหลายๆอย่างให้ช้าลง Slow life
– ทานผักเเละผลไม้สดให้มากขึ้น
– ดื่มชาสมุนไพร