สมุนไพร….ประโยชน์มากมายที่หาได้จากในครัว

ใบกระเพรา ช่วยทำให้สงบ และ ดีท๊อกซ์ตับ น้ำมันจากใบกระเพราช่วยทำให้ผิวสดใส ไม่มีจุดด่างดำ

ผักชีฝรั่ง มีวิตามิน เอ และ ซี และหากทานผักชีฝรั่งเพียง 1 ช้อนชา ก็จะได้วิตามิน เค มากกว่าครึ่งนึงของที่ร่างกายต้องการในเเต่ละวัน

ผักชี เป็นเเหล่งสารอาหารโดยเฉพาะ ไฟเบอร์และเหล็กและช่วยกำจัดแร่ธาตุที่เป็นโลหะหนักออกจากร่างกาย

กุ้ยช่ายช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายและลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง เช่น มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งเต้านม

อาหารเเละสารอาหารที่ช่วยให้คุณนอนหลับได้ดีขึ้น

การนอนหลับสำคัญกับสุขภาพของเราเเละมันยังช่วยพัฒนาความจำ กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ ทำให้มีสมาธิ และไม่เป็นโรคซึมเศร้า เพราะว่าการนอนหลับมีความสำคัญ เราจึงนอนหลับให้สนิท

อาหารเเละสารอาหารที่ช่วยให้คุณนอนหลับได้ดีขึ้น
– ไลโคปีน ซึ่งพบมากใน ส้มโอ หรือ เกรปฟรุต (ซึ่งเป็นผลไม้จำพวกส้มและส้มโอ) มะเขือเทศ เชอรี่ มะละกอ และเเตงโม
– เซเรเนียม ซึ่งพบมากใน ปลาจำพวกปลา ฮาลิบัท ทูน่า และปลาคอต ปลาหมึก หอย ข้าวบาร์เลย์ ไก่งวง นม และถั่ว
– วิตามินซี ซึ่งพบมากใน สัปปะรด สตอเบอรรี่ มะละกอ พริกหยวก บล็อคคลอลี่ ผักเคล
– คาร์โบไฮเดรต: หากคุณทานคาร์โบไฮเดรตที่ย่อยง่าย เช่น ข้าว ซีเรียล มันฝรั่ง ขนมปังขาว 4 ชั่วโมงก่อนนอนจะทำให้หลับได้เร็วขึ้น

ซุปเปอร์ฟู้ด ที่ช่วยทำให้ผิวและผมสมบูรณ์เเบบ

  • พริกหยวก
    อุดมไปด้วยวิตามินซีที่ช่วยสร้างคลอลาเจนเพื่อผมเเละผิวที่มีสุขภาพดี. การขาดวิตามินซีเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้ผมเเห้งเเละเเตกปลายได้
  • กุ้งมังกร (ล็อบสเตอร์)
    กุ้งมังกรมีซิ้งค์สูงซึ่งช่วยปกป้องเยื่อหุ้มเซลล์ รักษาคลอลาเจน เเละช่วยเร่งการผลัดผิว ทำให้คุณมีผิวที่สดใสเปล่งปลั่ง
  • ผักปวยเล้ง
    ผักปวยเล้งมีสารถึง 3 ชนิดที่ต่อต้านริ้วรอยเหี่ยวย่น ซึ่งคือ วิตามินซี วิตามินอี และ เบต้าเเคโรทีน สารทั้ง 3 ชนิดนี้ช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีที่จะทำให้ผิวเหี่ยวย่น
  • เมล็ดเชีย หรือเมล็ดเจีย
    อุดมไปด้วย โปรตีน ไฟเบอร์ และ โอเมก้า-3 ซึ่งช่วยลดการอักเสบ. และมันยังช่วยในการลดความอ้วนได้อีกด้วย เพราะว่ามันสามารถดูดซับน้ำได้มากถึง 10 เท่าของน้ำหนักของมัน จึงช่วยให้คุณอิ่มได้นาน
  • อัลมอนด์
    เต็มไปด้วยฟลาโวนอยด์ (ช่วยเสริมสร้างหัวใจให้แข็งแรง) และ วิตามินอี (สารสำคัญต่อสุขภาพผิว) ซึ่งช่วยขจัดอนุมูลอิสระ ที่เกิดจากการสูบบุหรี่

“อาการตึกป่วย” ความเสี่ยงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ จริงหรือ?

โรคตึกป่วยเป็นอาการที่เกิดกับคนประมาณ 20% ของคนทำงานในออฟฟิต ซึ่งจะมีอาการตั้งเเต่น้ำตาไหล คอเเห้ง ปวดหัว ผิวแห้ง คัน มึนหัว คลื่นไส้ ใจสั่น แท้ง หายใจถี่ หอบ เลือดกำเดาไหล เหนื่อยล้าเรื้อรัง ขา หรือข้อเท้าบวม และมะเร็ง ปัจจัยที่สามารถสรุปได้ว่าเราเป็นโรคตึกป่วยหรือไม่คือ การที่อาการเหล่านั้นหายไปเมื่อเราอยู่บ้านหรือลาพักร้อน

เพื่อที่จะลดการใช้พลังงานในการเปิดเครื่องทำความร้อนเเละเเอร์ ตึกส่วนใหญ่จึงต้องปิดหมด ทำให้เกิดการกั้นเอาปัจจัยทางมลพิษต่างๆเอาไว้ภายในตึก ซึ่งรวมถึงการเผาไหม้ภายในตึก เช่น การเปิดเครื่องทำความร้อน การเพิ่มพูนของสารคาร์บอนมอนนอกไซต์ สารต่างๆเช่น เบนซีน สไตลีน และสารละลายอื่นๆ และสารก่อภูมิแพ้เเละจุลลินทรีย์ที่ก่อโรคซึ่งลอยอยู่ในอากาศ เช่น แบคทีเรีย เชื้อรา สปอร์ เจเละโปรโตซัว รวมทั้งวัสดุ (ไม้ พรม และ กาว) และผ้า (พรมเช็ดเท้า เเละเหอร์นิเจอร์) ที่มากับตึกใหม่ ซึ่งปล่อยควันพิษออกมา

เพียงเเค่ช่วงเวลาที่ทำงาน กับสารปนเปื้อนเหล่านี้ก็แย่มากอยู่เเล้ว เเต่สิ่งที่ทำให้แย่ยิ่งขึ้นไปอีกก็คือ การที่เราไม่สามารถเปิดหน้าต่างได้ เราจึงสูดเอาอากาศเก่าๆ ทำงานในที่ๆซ้ำซาก จำเจ อยู่ในพื้นที่เดียวกันที่มีเเต่หลอดฟลูโอเรสเซน ซึ่งทำให้เกิดความเบื่อหน่าย สายตาเมื่อยล้า เเละ เฉื่อยชา สำหรับคนที่มีภูมิต้านทานที่ดี อาจไม่เป็นไร เเต่สำหรับคนประมาณ 20%-30% ในออฟฟิต อาจมีปัญหาตั้งเเต่อาการปวดหัวเพียงเล็กน้อย คลื่นไส้ มึนหัว ความจำสั้น หงุดหงิด คันตาเเละคอ ไปจนกระทั่งระบบประสาทเเละทางเดินหายใจถูกทำลาย ยิ่งไปกว่านั้นหมอก็บอกว่าอาการหอบหืดจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจากการหายใจเอาอากาศเสียในตึกเข้าไป

#healthyenvironment #healthyoffices #ความสะอาดในที่ทำงาน
Picture:
https://sites.google.com/site/allaboutindoorairpollution/what-is-sick-building-syndrome

4 วิธีช่วยลดอาการปวดหลัง

 

80% ของคนทั่วโลกมักมีอาการปวดหลังที่ใดที่หนึ่ง ซึ่งผลการวิจัยบอกว่า จำนวนคนที่ปวดหลังมีเเต่จะมากขึ้น วันนี้เราจึงมีวิธีลดอาการปวดหลังมาฝากกันค่ะ
ขยับร่างกาย เเละยืดเส้นยืดสาย: การออกกำลังกายคือการทำให้หลังเเละ กล้ามเนื้อหลังเเข็งเเรง ซึ่งจะช่วยให้อาการปวดหลังลดลง
กินยา: ขึ้นอยู่กับคำสั่งของหมอ ซึ่งยาจำพวกแอสไพรินก็สามารถบรรเทาอาการปวดได้ เเต่ก็มีข้อควรระวังเพราะการใช้ยามากเกินไปอาจเกิดผลข้างเคียงได้

หาเวลาไปนวดแผนโบราณ: การนวดจะช่วยบรรเทาอาการบริเวณที่ปวด โดยเฉพาะอาการปวดหลังเรื้อรัง

ใช้ถุงน้ำร้อน / ถุงน้ำเย็น: การใช้ถุงน้ำร้อนจะช่วยให่เลือดหมุนเวียนได้ดีขึ้นในบริเวณที่อักเสบ ซึ่งจะทำให้กล้ามเนื้อได้ผ่อนคลาย ส่วนการใช้ถุงน้ำเย็นจะช่วยให้ลดอาการบวม

แต่ไม่ว่าจะบรรเทาอาการปวดด้วยวิธีไหนหากมีอาการมากขึ้นหรือเป็นนานเเล้วไม่หาย ควรปรึกษาเเพทย์
Pictures from:
http://www.livestrong.com/article/502652-magnesium-for-back-pain/

พฤติกรรมรักษาความอ่อนเยาว์

Pictures: http://blog.unicasport.com/5-tips-on-how-to-get-healthy-skin/

1. ทากันเเดด และโลชั่นบ่อยๆ: แสงแดดทำลายอิลาสตินในผิวทำให้ผิวแห้ง กร้านและมีริ้วรอย

2. นอนหลับให้เพียงพอ: ฮอร์โมนที่ช่วยในการรักษาผิว และป้องกันสิวจะหลั่งในช่วงเวลาที่เราหลับสนิทเท่านั้น เราจึงควรนอนให้เพียงพอ

3. ลดการเล่นสมาร์ตโฟนและเเท็ปเล็ท: เวลาเล่นสมาร์ตโฟนเเละแท็ปเล็ท จะทำให้เกิดการเพ่งรอบดวงตา และเป็นรอยย่นรอบดวงตาเเละคอได้

4. ลดการทานเค็ม: การทานเค็มมากเกินไปจะทำให้ผิวหนังอุ้มน้ำ บวมน้ำ โดยเฉพาะรอบดวงตา

อาหารเเละสารอาหารที่ช่วยให้คุณนอนหลับได้ดีขึ้น

การนอนหลับสำคัญกับสุขภาพของเราเเละมันยังช่วยพัฒนาความจำ กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ ทำให้มีสมาธิ และไม่เป็นโรคซึมเศร้า เพราะว่าการนอนหลับมีความสำคัญ เราจึงนอนหลับให้สนิท

อาหารเเละสารอาหารที่ช่วยให้คุณนอนหลับได้ดีขึ้น
– ไลโคปีน ซึ่งพบมากใน ส้มโอ หรือ เกรปฟรุต (ซึ่งเป็นผลไม้จำพวกส้มและส้มโอ) มะเขือเทศ เชอรี่ มะละกอ และเเตงโม
– เซเรเนียม ซึ่งพบมากใน ปลาจำพวกปลา ฮาลิบัท ทูน่า และปลาคอต ปลาหมึก หอย ข้าวบาร์เลย์ ไก่งวง นม และถั่ว
– วิตามินซี ซึ่งพบมากใน สัปปะรด สตอเบอรรี่ มะละกอ พริกหยวก บล็อคคลอลี่ ผักเคล
– คาร์โบไฮเดรต: หากคุณทานคาร์โบไฮเดรตที่ย่อยง่าย เช่น ข้าว ซีเรียล มันฝรั่ง ขนมปังขาว 4 ชั่วโมงก่อนนอนจะทำให้หลับได้เร็วขึ้น

เคล็ดลับลดคลอเรสเตอรอล

เคล็ดลับลดคลอเรสเตอรอล

เคล็ดลับการรับประทานอาหารที่ดีเพื่อให้คอเลสเตอรอลอยู่ในระดับที่ดี

คอเลสเตอรอลสูงสามารถส่งผลกระทบต่อทุกคนโดยไม่คำนึงถึงเพศเชื้อชาติหรืออายุ แม้ว่าประวัติครอบครัวเป็นปัจจัยใหญ่ สำหรับคนส่วนใหญ่ก็เป็นปัจจัยการดำเนินชีวิตเช่นการสูบบุหรี่หรือบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สูง นิสัยการรับประทานอาหารที่แย่ๆ และขาดการออกกำลังกาย ซึ่งสามารถทำให้เกิดปัญหา อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงง่ายๆในการกินอาหารของเราเพื่อช่วยให้ระดับคอเลสเตอรอลอยู่ในระดับที่ดีต่อสุขภาพของเรา

ปลา: ปลาอุดมไปด้วยน้ำมันโอเมก้า 3 ไขมันที่ช่วยรักษาระดับไตรกลีเซอไรด์ปกติ ปลาแซลมอน และปลาทูอุดมไปด้วยโอเมก้า 3s ปลากระป๋อง เช่นปลาทูน่า และปลาซาร์ดีน ก็เป็นประโยชน์ เพียงแต่ต้องระวังเรื่องเกลือ

ลดอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว: ผลิตภัณฑ์นมและเนื้อสัตว์แดงมีจำนวนมากของไขมันอิ่มตัว ซึ่งเชื่อมโยงกับการเพิ่มขึ้นคอเลสเตอรอล เช่นเดียวกับ ขนมเค้ก และบิสกิต เลือกเนื้อไม่ติดมัน เปลี่ยนไปใช้นมไขมันต่ำและ ลดการกินเค้ก, ขนมปัง, พุดดิ้ง, ขนมกรุบกรอบและมันฝรั่งทอดกรอบ

หมั่นวัดชีพจร: ถั่วอุดมไปด้วยเส้นใยที่ละลายน้ำซึ่งจะช่วยลดปริมาณของคอเลสเตอรอลที่จะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด การศึกษาล่าสุดพบการกินถั่ว 130g สามารถลดคอเลสเตอรอลได้ถึง 5%

#eatright #goodfood #goodhealth #lowcholesterol

ขอบคุณรูปภาพจาก:

http://www.forbes.com/sites/jonentine/2012/12/21/white-house-reverses-itself-lifts-political-block-on-fda-approval-of-gm-salmon/

http://www.thelongestlife.com/Pages/Superfoods/Lentils.html

Rainbow Cake

http://www.lacafetiere.com/blog/tea-zing/